1.ตรวจสอบราคาอย่างน้อย 3 บริษัทประกัน
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องต่อประกันภัยรถยนต์ การเปรียบเทียบเบี้ยประกันกับผู้ให้บริการเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีเคลมก็ไม่ได้หมายความว่า เบี้ยประกันกับความคุ้มครองเดิมจะเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ อาจจะมี แคมเปญดีๆสำหรับรถรุ่นที่คุณใช้ออกมาใหม่ ใช้ประโยชน์จากบริการออนไลน์ ที่มีบริการเปรียบเทียบ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้กับคุณจากหลายบริษัทประกัน
2.ให้พิจารณา สิทธิการซื้อค่าความเสียหายส่วนแรก
วิธีนี้ความจริงก็คือ การตกลงกับบริษัทประกันภัยว่า ถ้ามีการเคลมเมื่อไหร่ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากหรือน้อย ทางผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง โดยมีให้เลือกว่าจะจ่ายเท่าไหร่ ตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท เกินนี้ไมคุ้ม ส่วนที่เหลือบริษัทประกันภัยจ่ายทั้งหมด ประโยชน์ที่ได้คือ บริษัทประกันภัยจะนำมูลค่าความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันซื้อไว้มาใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันให้ เต็มจำนวน เช่น เบี้ยประกันที่ต้องจ่าย15,000 บาท ซื้อค่าความเสียหายส่วนแรกไว้ ที่ 5,000 บาท เท่ากับว่า ต้องจ่ายค่าเบี้ยให้กับบริษัทประกันภัย แค่ 10,000 บาท ถ้าทั้งปีไม่มีเคลม ก็ได้ส่วนรถไป 5,000 บาท ถ้ามีเคลมก็เท่ากับว่าคืนส่วนลดที่ได้มาล่วงหน้ากลับไป
3.ตรวจสอบความคุ้มครองที่คุณต้องการจริงๆ
โดยหลัก ๆ แล้วความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ มีดังนี้
-ความคุ้มทรพย์สินของบุคคลอื่น
-ความคุ้มครองการซ่อมรถคันเอาประกันภัย
-ความคุ้มครองรถหาย-ไฟไหม้ รถคันเอาประกันภัย
คุณต้องย้อนกลับไปมองสภาพแวดล้อมส่วนตัวของคุณเอง ถ้าเป็นรถเก่ามูลค่าน้อย,ลักษณะนิสัยการขับขี่ของคุณว่าเป็นคนขับรถแบบระมัดระวังไม่ประมาท,ระยะทางการใช้งานไม่มาก หรือมีรถหลายคันบางคันใช้ไม่บ่อย คุณอาจจะมองไปที่ประกันแบบ 2 พลัส หรือ 3 พลัส ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากทีเดียว
4.รักษาสิทธิประโยชน์จาก no-claims bonus
ปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยเคลมประกันเลย คุณจะได้สิทธิส่วนลดประวัติดี(NCB)เพิ่มปีละ 10% และสะสมได้สูงสุดถึง 50% โดยการแจ้งส่วนลดนี้ให้กับผู้ให้บริการทราบเมือต้องการเปลี่ยนบริษัทประกันใหม่
5.ทำประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่
ทำได้แบบง่ายๆ ถ้าคุณเข้าใจการรับประกันภัยของบริษัทต่างๆ การที่คุณมีผู้ขับขี่ที่แน่นอน และสามารถแจ้งระบุชื่อผู้ขับขี่ไว้ทำให้บริษัทประกันรู้แน่ ๆว่ารถคันเอาประกันจะถูกขับโดยคนที่ระบุเท่านั้น ความเสี่ยงก็น้อยกว่ารถยนต์ที่เอาประกันแบบไม่สามารถที่จะระบุชื่อว่าใครจะเป็นคนขับได้ ทำให้คุณได้สิทธิส่วนลดในการระบุชื่ออีก 5-20% เลยทีเดียว
6.ชำระเบี้ยประกันแบบรายปี
การจ่ายเบี้ยประกันแบบผ่อนชำระบางทีอาจทำให้คุณจ่ายแพงกว่าการจ่ายแบบรายปี เพราะบางบริษัท บวกดอกเบี้ยไว้ในค่าเบี้ยประกันแล้ว สำหรับการจ่ายแบบผ่อนชำระ ถ้าคุณต้องการที่จะจ่ายแบบผ่อนชำระจริง ๆ แนะนำให้ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต ที่มีแคมเปญ ผ่อน 0%
7.ใช้สิทธิความคุ้มครองตามระยะทางการใช้รถ หากคุณดูแล้วว่าระยะทางการใช้รถของคุณในแต่ละวันระยะทางไม่เกิน 70 กม.แนะนำให้คุณทำประกันภัยแบบตามระยการขับขี่
ที่มา: vgetone.com XpressCenter